แกะกล่อง APPLE เผยเทคนิคการออกแบบที่เรียบหรู

แพกเกจจิ้งออกแบบ
31 March 2020
แบ่งปันข้อความนี้
facebook
copylink
แกะกล่อง APPLE เผยเทคนิคการออกแบบที่เรียบหรู

ใครที่เคยได้เห็น หรือแค่สัมผัสบรรจุภัณฑ์ของ Apple ถึงแม้คุณอาจจะยังไม่ได้เปิดกล่องออกมา แต่คุณจะรู้สึกได้ถึงความหรูหราสง่างาม เสมือนมีของอันล้ำค่าอยู่ข้างในนั้น ในขณะที่การออกแบบและสีสันมันช่างเรียบง่ายเสียเหลือเกิน

Apple เป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญกับการออกแบบบรรจุภัณฑ์เป็นอย่างมาก ถึงขนาดมีข่าวออกมาว่า Apple มีห้องออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เป็นความลับ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเข้าไปในนั้นได้ นอกจากนี้ก่อนที่จะมีการเปิดตัว iPod เป็นครั้งแรก Apple มีบรรจุภัณฑ์นับร้อยแบบให้เลือก มีขั้นตอนการออกแบบตั้งแต่การระบุตำแหน่งที่จะดึงสติ๊กเกอร์ ชนิดของกระดาษแข็ง และกลไกการพับ

ดังนั้นประสบการณ์ของลูกค้า Apple ไม่ได้เริ่มต้นเมื่อลูกค้าใช้ผลิตภัณฑ์ แต่จะเริ่มตั้งแต่เห็นบรรจุภัณฑ์ของ Apple ประสบการณ์ที่ดีของลูกค้าในการเปิดกล่องผลิตภัณฑ์ออกมามีความสำคัญพอๆกั บการให้ประสบการณ์การใช้งานผลิตภัณฑ์ที่ดี นอกจากนี้การออกแบบบรรจุภัณฑ์ของ Apple ยังเป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม คนส่วนใหญ่ที่เคยซื้อผลิตภัณฑ์ Apple ยังคงมีบรรจุภัณฑ์นั้นๆ เก็บไว้อยู่ ไม่ใช่แค่เพื่อเป็นกล่องไว้เก็บเอกสารใบรับประกัน บรรจุภัณฑ์ของ Apple นั้น ได้รับการออกแบบมาอย่างดีเพื่อให้คุณสามารถจัดเก็บผลิตภัณฑ์ได้ในขณ ะที่คุณไม่ได้ใช้งานอีกด้วย


เทคนิคสำคัญที่ Apple ใช้ในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ คือ


ความเรียบง่าย

blogphotoรูปลักษณ์บรรจุภัณฑ์ของ Apple จะดูเรียบง่ายและดูสะอาดตา รูปที่อยู่บนกล่องเป็นภาพของผลิตภัณฑ์ที่อยู่ข้างใน ไม่มีตัวอักษร หรือคำบรรยายอื่นใด ศิลปะอื่น ๆ บนบรรจุภัณฑ์คือโลโก้ Apple และชื่อผลิตภัณฑ์ที่อยู่ด้านข้างของกล่อง รายละเอียดผลิตภัณฑ์ (16 GB, 3G เป็นต้น) และลิขสิทธิ์จะซ่อนไว้ที่ด้านหลังกล่อง

ความสอดคล้อง

blogphotoบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ของ Apple นั้นมีความสวยงาม ใช้ง่ายไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์อะไรก็ตาม การเปิดกล่อง iPad ให้ความรู้สึกเหมือนกับเป็นการเปิดกล่องสำหรับ iPhone และ iPod ซึ่งมันคือความเรียบง่าย และมีความสอดคล้องกันของแบรนด์ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผู้ซื้อของ Apple ต้องการและคาดหวังจากบริษัท แม้แต่อุปกรณ์เสริมในกล่องก็ ใช้สาย USB เดียวกันกับผลิตภัณฑ์ Apple อื่น ๆ

การใช้งานที่ง่าย

blogphotoมีโฆษณา iPad ของ Apple ที่บอกว่า "คุณรู้วิธีใช้แล้ว" ซึ่งมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ถ้าคุณคุ้นเคยกับผลิตภัณฑ์ Apple ตัวอื่น ๆ อินเทอร์เฟซของ Apple ถูกออกแบบให้สามารถใช้งานได้ง่ายและสะดวกรวดเร็ว ทำให้ไม่จำเป็นต้องมีคู่มือการใช้งานที่หนาๆ ในหลายภาษา มีเพียงแค่การ์ดสองด้านที่เรียบง่ายซึ่งจะนำคุณไปสู่คำแนะนำการใช้งานผ ลิตภัณฑ์บนเว็บไซต์ คุณแทบไม่จำเป็นต้องอ่านคู่มือเลยจริงๆ เว้นเสียแต่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่คุณซื้อสินค้าจาก Apple

คุณภาพของวัสดุที่ดีเยี่ยม

blogphotoคุณภาพของกระดาษที่ใช้ในการทำกล่องและการ์ดวิธีการใช้งานนั้น เป็นเนื้อกระดาษที่มีคุณภาพสูงมาก เนื้อสัมผัสที่อ่อนนุ่ม สวยงาม เคลือบเงาทึบสีครีม และฟอยล์โลหะสีเงินบนโลโก้ Apple เมื่อคุณได้สัมผัสตัวกล่องจะรู้สึกได้ถึงประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม แทนที่จะมองหาวิธีที่จะประหยัดเงินด้วยการใช้กล่องราคาถูก และแผ่นกระดาษที่ราคาไม่แพง Apple ได้ทำให้บรรจุภัณฑ์เหล่านั้นเป็นกลายเป็นส่วนหนึ่งในผลิตภัณฑ์ของพวกเขา

ดังนั้นเราเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ และการตลาดเหล่านี้ได้บ้าง
  1. เราต้องรู้ว่าลูกค้าคาดหวังอะไรจากแบรนด์ของเราและนำเสนอในทุกๆ ด้านของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่การออกแบบผลิตภัณฑ์ไปจนถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์
  2. แบรนด์มีความหมายมากกว่าแค่โลโก้ ประสบการณ์ในทุกๆ อย่างที่ลูกค้าได้รับเมื่อพวกเขาได้ใช้สินค้าหรือบริการของคุณ คุณจะต้องแน่ใจว่าได้ส่งมอบ และสะท้อนถึงแบรนด์ของคุณอย่างแท้จริง
  3. ลดความซับซ้อนของข้อความและการสื่อสาร เพื่อสื่อสารให้ตรงจุดที่สุด เน้นการใช้ภาพมากกว่าการใช้ข้อความ
  4. แสดงความเป็นตัวตนของแบรนด์อยู่ตลอดเวลา แบรนด์ที่ยิ่งใหญ่จะแสดงถึงบุคลิกของบริษัทที่ทำให้เรารู้สึกว่าแบรนด์เหล่ านี้เป็นมากกว่าองค์กรการค้า บุคลิกของแบรนด์ควรสะท้อนให้เห็นว่าคุณเป็นใครและทำให้คุณแตกต่าง จากบริษัทอื่น ๆ อย่างไร
ระยะหลังนี้แม้แต่บริษัท Microsoft เอง ก็ยังหันมาให้ความสำคัญกับการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ที่เรียบง่าย และดูหรูหรามากขึ้น การที่คุณใส่ใจในทุกๆ รายละเอียดแม้กระทั่งบรรจุภัณฑ์ของคุณเองนั้น ทำให้ลูกค้ารับรู้ได้ถึงความเป็นเอกลักษณ์ และความมีตัวตนของแบรนด์ของคุณได้มากเลยทีเดียว

Credit:
gianfagnamarketing
packaginginnovation
swedbrand-group

สนใจแพคเกจกจิ้งแบบนี้บ้าง

เริ่มเลย
แบ่งปันข้อความนี้
facebook
copylink

อ่านต่อ

บทความที่เกี่ยวข้อง
3 คำถามต้องตอบได้ ก่อนเริ่มดีไซน์แพคเกจจิ้ง!
แพกเกจจิ้งออกแบบ 12 May 2020
คือเรื่องง่ายที่ใครก็รู้ แต่คำถามที่ว่า “จะออกแบบแพคเกจจิ้งแบบไหนให้ออกมาดี?” นี่สิ คือเรื่องยาก ที่คุณต้องหาคำตอบ ดังนั้นสำหรับเจ้าของแบรนด์ที่อยากดีไซน์แพคเกจจิ้งดีๆเพื่อสินค้าคุณ แต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร คุณมาถูกทางแล้วครับ สำหรับปัญหาข้อนี้ LocoPack มีทางออกให้กับคุณ เพียงลองตอบคำถาม 3 ข้อต่อไปนี้ให้ได้ เพราะถ้าตอบได้แล้วก็จะสามารถทราบได้ในทันที ว่าแนวทางเพื่อการออกแบบแพคเกจจิ้งสำหรับสินค้าของคุณควรเป็นอย่างไร 1. สินค้าของคุณคืออะไร?ก่อนอื่นเพื่อกำหนดลักษณะโดยรวมของแพคเกจจิ้ง ลองพิจารณากันก่อนครับ ว่าสินค้าของคุณเป็นสินค้าประเภทไหน ทำจากอะไร ขนาดเท่าไร ความคงทนเป็นอย่างไร เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนมีผลต่อการออกแบบแพคเกจจิ้งทั้งสิ้น ในขณะที่สินค้าเปราะบางแตกง่าย ต้องการบรรจุภัณฑ์มั่นคงแข็งแรง รองรับการกระแทกขณะขนส่ง สินค้ารูปทรงแปลกตา อาจต้องการบรรจุภัณฑ์ออกแบบพิเศษที่พิถีพิถันมากกว่าการเลือกใช้กล่องรูปทรงธรรมดา 2. ใครคือผู้ซื้อสินค้า?ผู้ชาย ผู้หญิง เด็กเล็ก หรือผู้ใหญ่ ใครคือกลุ่มเป้าหมายของสินค้าคุณ? เพราะกลุ่มคนแต่ละกลุ่ม ย่อมถูกดึงดูดด้วยรูปลักษณ์ของแพคเกจจิ้งที่แตกต่างกัน ในขณะที่แพคเกจจิ้งสำหรับกลุ่มลูกค้าผู้ใหญ่หรือสูงวัย ควรเป็นการดีไซน์แบบง่าย และมีตัวอักษรขนาดใหญ่เพื่อให้เห็นข้อความได้ชัดเจน การออกแบบแพคเกจจิ้งที่ดูเปรี้ยวเท่หรูหราก็สามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้ามีฐานะที่ชอบความโก้หรูดูดี ดังนั้นการทราบก่อนว่าผู้ซื้อสินค้า คือกลุ่มบุคคลประเภทไหน เราก็จะสามารถกำหนดทิศทางการออกแบบบรรจุภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น3. สินค้าจะถูกจำหน่ายอย่างไร ?ลองพิจารณาสักนิด สินค้าของคุณนั้นถูกจำหน่าย ซื้อขายในช่องทางไหน เป็นการตั้งสินค้าหน้าร้าน ซื้อมาจำหน่ายไปแบบปกติ หรือผ่านการสั่งซื้อออนไลน์? เมื่อสถานที่ขายสินค้าต่าง กลยุทธ์การออกแบบผลิตภัณฑ์ก็ต่างกัน หากเป็นการวางสินค้าบนชั้นวาง มีคู่แข่งเป็นสินค้าประเภทเดียวกัน สินค้าของคุณต้องการบรรจุภัณฑ์ที่โดดเด่นและแตกต่าง เพื่อดึงดูดสายตา แต่ถ้าสินค้าของคุณเน้นช่องทางการขายบนโลกออนไลน์ คุณก็ต้องมองหาการออกแบบแพคเกจจิ้งที่ให้ความสะดวก และเหมาะสมกับการขนส่งทางไกลมากกว่าภาพลักษณ์แพคเกจจิ้งที่ต้องโดดเด่นกว่าใครCredit: 99designs
“Ultra Violet” โทนสีปี 2018 จาก Pantone
ออกแบบ 11 May 2020
พอถึงสิ้นปีทีไร แวดวงการออกแบบ รวมทั้งวงการแฟชั่น ก็ได้เวลาลุ้นตัวโก่งกันทุกที ว่าปีนี้ บริษัทสีเจ้าแม่ยักษ์ใหญ่อย่าง Pantone จะเลือกสีใด เป็นโทนสีแห่งปีของปีถัดไป สำหรับปีนี้เองก็เช่นกันครับ แต่ทว่า ตอนนี้เราไม่ต้องลุ้นให้ตื่นเต้นกันอีกต่อไปแล้ว เพราะ Pantone ประกาศออกมาให้โลกรับรู้แล้วว่า สีม่วง Ultra Violet รหัส 18–383 คือสีแห่งปี 2018! ซึ่งเมื่อ Pantone ประกาศผลมาปุ๊บ LocoPack ก็ไม่อยากรอช้า ขอนำเสนอข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับเจ้าสีม่วงสุดเย้ายวนผ่านบทความนี้กันเลย ULTRA VIOLET สำหรับกราฟฟิกและแพคเกจจิ้งดีไซน์แฝงไปด้วยความซับซ้อน ดูลึกลับ แต่ให้ความรู้สึกกลมกลืน สีม่วง Ultra Violet ได้ถูกคัดเลือกให้เป็นโทนสีแห่งปีสำหรับแวดวงการออกแบบกราฟฟิกและแพคเกจจิ้ง ซึ่งผลการคัดเลือกครั้งนี้ ถือว่าสอดคล้องกับทิศทางของผลงานดีไซน์เนอร์จากทั่วโลกเป็นอย่างดี ดั่งที่ปรากฏให้เห็นในเทรนด์การออกแบบแพคเกจจิ้ง สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าเสริมความงาม รวมไปถึงผลิตภัณฑ์จากแบรนด์หรู ซึ่งนับวันจะยิ่งเน้นความซับซ้อนและมิติของการออกแบบที่มากขึ้นยิ่งกว่าเดิม ULTRA VIOLET และวงการแฟชั่นด้วยคุณสมบัติที่มีความเป็นกลางระหว่างเพศหญิงและเพศชาย ตัวเลือกอย่างสีม่วง Ultra Violet ที่ผสมผสานกันระหว่างพื้นสีของสีแดง และสีฟ้า ได้ถูกหยิบยกเป็นเครื่องมือเพื่อสร้างความรู้สึกเชื่อมโยงระหว่างผู้ออกแบบ ผู้ผลิตและผู้บริโภคทุกๆเพศ นอกจากนี้ความเข้ากันได้ดีกับสี และวัสดุที่หลากหลายอย่างไม่จำกัด อาทิ การใช้สีทองกับสีม่วงเพื่อให้บรรยากาศหรูหรา การใช้สีเขียวเทากับสีม่วงก็ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้การจับคู่ผ้าหรูอย่างกำมะหยี่กับสีม่วงสำหรับชุดราตรีงานกลางคืน ก็ดูเข้ากันได้ดีไม่แพ้การเลือกใช้สีม่วงสำหรับสินค้านักกีฬา หรือรองเท้าผ้าใบ ULTRA VIOLET ในแวดวงความงาม ถือเป็นมนต์ขลังของสีม่วง Ultra Violet ที่สามารถใช้เสริม แต่งประกายเพื่อเพิ่มความงามน่าหลงใหลให้กับทุกๆคน ด้วยความนุ่มลึกแบบเป็นธรรมชาติที่เข้ากันได้ดีกับความลงตัวของการผสมสี ไล่สี สีม่วงได้ถูกคัดเลือกเพื่อเป็นตัวแทนของความงามในวงการแฟชั่นผ่านหลายกรรมวิธีการใช้ ไม่ว่าการใช้สีม่วงเดี่ยวๆ เพื่อทาเป็นลิปสติก หรือใช้เป็นสีเล็บสามารถที่สร้างเอกลักษณ์มั่นใจปนเท่ห์ ให้กับผู้เลือกใช้ หรือการใช้สีม่วงผสมกับสีเมทาลิกเพื่อใช้กับเปลือกตาให้เจ้าของดวงตาดูลึกลับ เป็นปริศนาดั่งสีของจักรวาลก็นับเป็นอีกเคล็ดลับวิธีสร้างความน่าดึงดูดที่น่าสนใจ นอกจากนี้สีม่วงยังได้ถูกเลือกใช้เป็นเฉดสีสำหรับการย้อมเส้นผมที่นับวันจะได้รับความนิยมมากขึ้นในมุมมองความงามแบบ Street StyleULTRA VIOLET เพื่อการแต่งบ้าน หากกำลังมองหาหนทางเพื่อเปลี่ยนห้องแบบเดิมๆให้เป็น ห้องที่บ่งบอกความเป็นตัวเองได้มากขึ้น การเลือกใช้สีม่วง Ultra Violet นับเป็นวิธีที่น่าสนใจที่ Pantone เสนอ ด้วยคุณสมบัติที่สามารถเข้ากันได้ดีกับสีต่างๆ เพื่อสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว การจับคู่สีม่วงกับสีสันโทนสดใสหรือ สีสว่างสามารถช่วยฉุดความโดดเด่นของเครื่องแต่งบ้านชิ้นอื่นๆ นอกจากนี้สีม่วง ยังนับเป็นสีที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในทุกๆห้องของบ้าน หรืออาคารได้ด้วยเช่นกัน Credit: Pantone
“ข้อมูลที่ต้องพร้อม” ก่อนเริ่มออกแบบแพคเกจจิ้ง!
แพกเกจจิ้งออกแบบ 12 May 2020
ต่อจากคราวก่อน ที่เราได้ให้แนวทางการออกแบบแพคเกจจิ้ง ผ่าน 3 คำถามสำคัญ ที่ต้องตอบได้ก่อนเริ่มออกแบบบรรจุภัณฑ์กันไปแล้ว สำหรับบทความในวันนี้ เพื่อเป็นไกด์ไลน์ให้กับเจ้าของแบรนด์ที่อยากออกแบบแพคเกจจิ้งดีๆ ที่จะช่วยเพิ่มยอดไลค์ อัพยอดขายสินค้าและบริการของคุณให้ได้ LocoPack ขอกระเถิบลงรายละเอียดเพิ่มเติมกันอีกสักหน่อยนะครับ โดยขอพูดต่อกันถึง “ข้อมูลที่คุณต้องมีพร้อม” เพื่อการสร้าง และผลิตแพคเกจจิ้งดีๆ พร้อมใช้งานที่จะออกมาตรงใจผู้ขาย และถูกใจผู้ซื้อได้อย่างแน่นอน 1. ข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์เพราะสินค้าและแพคเกจจิ้ง คือสื่อสำคัญเพื่อการโปรโมทแบรนด์ของคุณสู่สายตาของลูกค้าและผู้พบเห็น ดังนั้นการออกแบบแพคเกจจิ้งจึงต้องใส่ใจในรายละเอียดอัตลักษณ์ของแบรนด์ โดยก่อนการเริ่มออกแบบ คุณควรมีข้อมูลเกี่ยวกับอัตลักษณ์ของแบรนด์ดังต่อไปนี้ครบถ้วนกันเสียก่อน สีหลัก เฉดสีที่เลือกใช้: ชื่อสี โค้ดสี ฟ้อนต์ตัวอักษร: ให้ระบุการใช้ให้ชัดเจน อาทิ ตัวหนาสำหรับหัวข้อ ตัวเล็กบางสำหรับข้อมูลทั่วไป โลโก้ของแบรนด์: จัดเตรียมประเภทไฟล์ที่เหมาะสม เพื่อการจัดพิมพ์ 2. ข้อมูลที่ต้องมีบนแพคเกจจิ้ง แต่ละประเภทสินค้า แต่ละแบรนด์ ย่อมมีข้อมูลเพื่อการปริ้นท์บนแพคเกจจิ้งแตกต่างกันไป ดังนั้นเพื่อสร้างแพคเกจจิ้งตรงใจ สามารถใช้งานได้จริง การมีข้อมูลในส่วนนี้ไว้ครบถ้วนก่อนจึงสำคัญมากนะครับ ทั้งนี้ข้อมูลที่ต้องมีเพื่อระบุบนแพคเกจจิ้ง ก็ได้แก่ ข้อความ: เช่น ชื่อสินค้า คำขวัญ คำอธิบายสั้นๆเกี่ยวกับสินค้า รูปภาพ: ไม่ว่าจะภาพพรีเซนเตอร์ ภาพส่วนประกอบ หรือภาพสินค้า ขอให้จัดเตรียมไว้ให้พร้อมก่อนเริ่มต้นการออกแบบ เครื่องหมายที่จำเป็น: อาทิ บาร์โค้ด เครื่องหมายการค้า เครื่องหมายรับรองจากภาครัฐ ข้อมูลอื่นๆ: อาทิ ข้อมูลตามกฎหมาย ที่อาจต้องเปลี่ยนแปลงภายหลัง หรือยังเป็นข้อมูลที่ไม่แน่นอน (ซึ่งคุณไม่อาจจำเป็นต้องปริ้นท์ลงบนแพคเกจจิ้งโดยตรง แต่อย่าลืมเหลือเนื้อที่ สำหรับการเพิ่มเติมเนื้อหาในส่วนนี้ เช่นพื้นที่เพื่อแปะสติ๊กเกอร์ หรือปริ๊นท์ลงในภายหลังด้วยนะครับ) 3. แบบที่ชอบ สไตล์ที่ใช่ ขอให้รวบรวมแพคเกจจิ้งที่ชอบ เห็นทีไรถูกใจทุกทีไว้เลยนะครับ เลือกเก็บไว้หลายๆแบบ อาจใช้วิธีการถ่ายภาพ ครอปภาพมาไว้ก็ได้ นอกจากนี้ลองนึกถึงวัสดุสำหรับทำแพคเกจจิ้งของคุณด้วย เพราะข้อมูลของแบบแพคเกจจิ้งที่ชอบ จะสามารถนำมาประยุกต์รวมกัน หรือให้ไอเดียแก่ผู้ออกแบบ เพื่อสร้างเป็นแพคเกจจิ้งในฝันให้กับแบรนด์ของคุณได้นั่นเอง 4. งบประมาณ งบประมาณการผลิต และต้นทุนของแพคเกจจิ้ง คืออีกข้อสำคัญที่ต้องคำนึงถึงก่อนเริ่มลงมือออกแบบ ทั้งนี้ต้นทุน หรือเรื่องเงินๆทองๆของการผลิตแพคเกจจิ้งที่ว่า จะแบ่งออกได้เป็น 2 กรณี คือ ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นเพื่อการออกแบบ ครอบคลุมถึง ค่าจ้างออกแบบ ค่าแม่พิมพ์ ซึ่งค่าใช้จ่ายในหมวดนี้ มักจ่ายกันเพียงครั้งเดียวเพื่อการใช้ที่ยาวนาน ต้นทุนต่อชิ้น ซึ่งรวมถึงค่าวัสดุและค่าแรงงานที่ใช้ต่อแพคเกจจิ้งหนึ่งชิ้น นอกจากนี้ อย่าลืมว่า งบประมาณที่ถูกกว่าใช่ว่าดีกว่าเสมอไป เพราะการใช้วัสดุคุณภาพดี การออกแบบมีคุณภาพ จะสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสินค้าให้ดูโดดเด่นกว่าแบรนด์คู่แข่งอย่างไรก็ตาม การออกแบบแพคเกจจิ้งที่ดี ให้มีภาพลักษณ์เตะตา น่าดึงดูด ที่คำนึงถึงความเหมาะสม และถูกใจทั้งฝ่ายผู้ซื้อและผู้ขายก็สามารถทำได้ในราคาประหยัด และต้นทุนที่ถูกกว่า สิ่งสำคัญอยู่ที่ความคิด ไอเดียและความเชี่ยวชาญในการออกแบบแพคเกจจิ้งนั่นเอง Credit: 99designs