ขั้นตอนการสั่งกล่องแบบละเอียด

แพกเกจจิ้งออกแบบ
11 May 2020
แบ่งปันข้อความนี้
facebook
copylink
ขั้นตอนการสั่งกล่องแบบละเอียด
หากคุณต้องการผลิตกล่องติดแบรนด์ให้กับสินค้าของคุณ บทความนี้จะเป็นการอธิบายขั้นตอนการสั่งกล่องกับ LocoPack แบบละเอียด ตั้งแต่คุณเริ่มเข้ามาในเวปไซต์ของเรา ไปจนถึงการออกแบบ ผลิต จนได้รับสินค้า เพื่อให้คุณเห็นภาพกระบวนการทำงานตั้งแต่ต้นจนจบ


ขั้นตอนการสั่งงานบนเวปไซต์

1. เริ่มต้นใช้งานโดยการกดที่ปุ่ม “เช็คราคา” เพื่อเข้าไปดูกล่องแบบต่างๆที่ทาง LocoPack สามารถผลิตให้คุณได้
blogphoto

2. คุณสามารถใช้แถบด้านบนในการกรองตัวเลือกเฉพาะแบบกล่องที่คุณต้องการ เช่น เลือกเฉพาะกล่องกระดาษลูกฟูก หรือ เลือกเฉพาะกล่องแบบฝาชน
blogphoto

3. เมื่อคลิ๊กเข้ามาคุณสามารถดูรูปรายละเอียดของกล่องตัวอย่างในมุมต่างๆได้ หากคุณต้องการโครงสร้างกล่องแบบนี้ ให้กดปุ่ม “กรอกรายละเอียดเพื่อประเมินราคา”
blogphoto

4. เมื่อมาถึงหน้านี้ คุณสามารถเลือกรายละเอียดกล่องของคุณได้ เช่น จำนวนกล่องที่คุณต้องการ โดยการเลื่อนหมุดไปทางซ้ายหรือขวา หรือคุณสามารถกรอกจำนวนที่ต้องการก็ได้เช่นกัน
blogphoto

5. ระบบจะให้คุณระบุขนาดกล่องภายใน (กว้าง x ยาว x สูง) ที่คุณต้องการ หรือหากคุณต้องการใช้กล่องลูกฟูก คุณสามารถ “เลือกขนาดกล่องมาตรฐาน” ได้เช่นกัน ซึ่งข้อดีของการเลือกใช้กล่องมาตรฐานคือคุณไม่ต้องเสียค่าเพลทไดคัท หากคุณไม่แน่ใจ คุณสามารถส่งสินค้ามาให้เราวัดขนาดกล่องที่เหมาะสมได้เช่นกัน
blogphoto

6. คุณสามารถกำหนดรายละเอียด หรือเลือกเทคนิคพิเศษต่างๆเพิ่มเติมได้ เช่น สีกระดาษ ปั๊มเงิม/ปั๊มทอง โดยสามารถคลิ๊กที่ icon รูปสามเหลี่ยมเพื่อดูวัสดุหรือเทคนิคพิเศษของจริงได้
blogphoto


7. หลังจากนั้นจะเป็นการบอกสไตล์กล่องที่คุณอยากได้ โดยคุณสามารถเลื่อนหมุดไปทางซ้ายหรือขวาตามสไตล์ที่คุณต้องการ
blogphoto

8. หากคุณมีไฟล์โลโก้ที่เป็นสกุล .ai อยู่แล้ว คุณสามารถส่งมาให้ดีไซเนอร์ของเราใช้ในการออกแบบกล่องให้คุณได้เลย แต่ถ้าหากคุณยังไม่มีไฟล์ตอนนี้ คุณสามารถส่งมาให้เราภายหลังได้เช่นกัน
blogphoto

9. นอกจากนั้นหากคุณมีภาพตัวอย่างที่คุณต้องการ คุณสามารถส่งมาให้ดีไซเนอร์ของเราเพื่อเป็น reference ได้เช่นกัน และกล่องข้อความด้านล่างก็ยังสามารถใส่รายละเอียดเพิ่มเติมที่คุณอยากบอกเราได้
blogphoto

10. กรอกรายละเอียดการติดต่อเพื่อให้ระบบส่งสรุปรายการกล่องของคุณ และให้เจ้าหน้าที่ของเราติดต่อกลับไปเพื่อยืนยันข้อมูล
blogphoto

11. หลังจากกดตกลงระบบจะสรุปรายการให้คุณตรวจสอบอีกครั้ง ถ้าทุกอย่างถูกต้องคุณสามารถกดตกลงอีกครั้งเพื่อไปยังขั้นตอนถัดไปได้เลย
blogphoto

12. ระบบจะส่งอีเมลสรุปรายการไปให้คุณอีกครั้ง พร้อมหมายเลขหมายเลขรายการของคุณและช่องทางการชำระเงิน
blogphoto

13. คุณสามารถชำระมัดจำค่าออกแบบโดยการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร พร้อมส่งหลักฐานการโอนเงินมาให้เรา เพื่อเริ่มงาน
14. หากในระหว่างนี้คุณมีคำถาม คุณสามารถติดต่อศูนย์บริการลูกค้าของเราได้ตลอดเวลา

ขั้นตอนการทำงานหลังชำระมัดจำค่าออกแบบ

1. หลังจากเราได้รับหลักฐานการชำระมัดจำแล้ว ทางเจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับไปเพื่อยืนยันรายละเอียดอีกครั้งและขอข้อมูลรายละเอียดที่คุณต้องการใส่ลงบนกล่องเพิ่มเติม
2. ดีไซเนอร์จะออกแบบจากขนาดที่คุณแจ้งเรามาทางเวปไซต์ หรือหากคุณไม่แน่ใจเรื่องขนาดกล่อง คุณสามารถส่งสินค้ามาให้เราวัดขนาดได้เช่นกัน
3. ดีไซเนอร์จะใช้เวลาออกแบบหรือแก้ไขงานประมาณครั้งละ 3-5 วัน และออกแบบกราฟฟิกมาให้คุณเลือก 2 แนวทาง โดยเราจะส่งภาพคลี่กราฟฟิก 2 มิติ และภาพงานออกแบบ (JPG) ในรูปแบบภาพ 3 มิติ (Perspective) ในมุมต่างๆ เพื่อให้คุณพิจารณาผลงานและตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล โดยคุณสามารถแจ้งแก้ไขหรือปรับแบบได้ 3 ครั้ง

ตัวอย่างแนวทางที่ 1
ตัวอย่างแนวทางที่ 2

4. หลังจากงานออกแบบเสร็จสมบูรณ์ ทางเจ้าหน้าที่จะส่งภาพคลี่กราฟฟิก 2 มิติ และภาพงานออกแบบบนกล่องในรูปแบบภาพ 3 มิติ (JPG) ในมุมต่างๆ เพื่อให้คุณตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล
ตัวอย่างงานกล่องกระดาษอาร์ท

ตัวอย่างงานกล่องลูกฟูก


5. ทางเจ้าหน้าที่จะสรุปยอดชำระค่าผลิตสินค้า พร้อมจะแจ้งกำหนดการวันที่กล่องผลิตเสร็จ และสอบถามรายละเอียดในการจัดส่งผ่านช่องทางการติดต่อของคุณ (อีเมล/Facebook/Line)

สำหรับกล่องลูกฟูก
ทางโรงงานจะเริ่มผลิตทันทีที่คุณชำระค่าผลิตสินค้า
สำหรับกล่องกระดาษอาร์ท
หลังจากคุณชำระค่าผลิตสินค้า ทางโรงงานจะเริ่มกระบวนการผลิตด้วยการทำกล่องตัวอย่างเปล่าสีขาว ไม่มีพิมพ์ (Mock Up) ขนาดเท่าของจริงให้คุณทดลองใส่สินค้า และภาพแบบกราฟฟิกพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์งานตัวอย่าง (Digital Proof) เพื่อให้คุณตรวจสอบสีและความถูกต้องของข้อมูล เมื่อเราได้รับการยืนยันความถูกต้องแล้ว โรงงานจะเริ่มเดินเครื่องผลิตสินค้าให้กับคุณ


ตัวอย่าง Mock Up


ตัวอย่าง Digital Proof

6. เราจะใช้เวลาในการผลิต 20 วัน (รวมวันเสาร์-อาทิตย์) นับจากวันที่คุณยืนยันแบบและชำระค่าผลิตสินค้า

7. ก่อนวันที่นัดส่งสินค้า 3 วัน ทางเจ้าหน้าที่จะโทรไปยืนยันวัน เวลา สถานที่ส่งของกับคุณอีกครั้ง

8. คุณจะได้รับกล่องภายใน 1-2 วัน นับจากกำหนดวันที่กล่องผลิตเสร็จ ขึ้นอยู่กับระยะทางของสถานที่ในการจัดส่ง

9. ทาง LocoPack มีการรับประกันความพึงพอใจให้คุณ หากสินค้ามีความผิดพลาดจากกระบวนการผลิต หรือสินค้าไม่ตรงตามคำสั่งซื้อ เรายินดีผลิตสินค้าให้ใหม่หรือคืนเงิน คุณสามารถติดต่อเข้ามาที่ศูนย์บริการลูกค้าของเรา เพื่อทำเรื่องคืนสินค้าภายใน 7 วันหลังได้รับสินค้า ทางเราจะทำการตรวจสอบและแจ้งผลให้ทราบภายใน 15 วัน เพื่อดำเนินการผลิตสินค้าให้ใหม่หรือคืนเงินให้แล้วแต่กรณี

สนใจแพคเกจกจิ้งแบบนี้บ้าง

เริ่มเลย
แบ่งปันข้อความนี้
facebook
copylink

อ่านต่อ

บทความที่เกี่ยวข้อง
3 คำถามต้องตอบได้ ก่อนเริ่มดีไซน์แพคเกจจิ้ง!
แพกเกจจิ้งออกแบบ 12 May 2020
คือเรื่องง่ายที่ใครก็รู้ แต่คำถามที่ว่า “จะออกแบบแพคเกจจิ้งแบบไหนให้ออกมาดี?” นี่สิ คือเรื่องยาก ที่คุณต้องหาคำตอบ ดังนั้นสำหรับเจ้าของแบรนด์ที่อยากดีไซน์แพคเกจจิ้งดีๆเพื่อสินค้าคุณ แต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร คุณมาถูกทางแล้วครับ สำหรับปัญหาข้อนี้ LocoPack มีทางออกให้กับคุณ เพียงลองตอบคำถาม 3 ข้อต่อไปนี้ให้ได้ เพราะถ้าตอบได้แล้วก็จะสามารถทราบได้ในทันที ว่าแนวทางเพื่อการออกแบบแพคเกจจิ้งสำหรับสินค้าของคุณควรเป็นอย่างไร 1. สินค้าของคุณคืออะไร?ก่อนอื่นเพื่อกำหนดลักษณะโดยรวมของแพคเกจจิ้ง ลองพิจารณากันก่อนครับ ว่าสินค้าของคุณเป็นสินค้าประเภทไหน ทำจากอะไร ขนาดเท่าไร ความคงทนเป็นอย่างไร เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนมีผลต่อการออกแบบแพคเกจจิ้งทั้งสิ้น ในขณะที่สินค้าเปราะบางแตกง่าย ต้องการบรรจุภัณฑ์มั่นคงแข็งแรง รองรับการกระแทกขณะขนส่ง สินค้ารูปทรงแปลกตา อาจต้องการบรรจุภัณฑ์ออกแบบพิเศษที่พิถีพิถันมากกว่าการเลือกใช้กล่องรูปทรงธรรมดา 2. ใครคือผู้ซื้อสินค้า?ผู้ชาย ผู้หญิง เด็กเล็ก หรือผู้ใหญ่ ใครคือกลุ่มเป้าหมายของสินค้าคุณ? เพราะกลุ่มคนแต่ละกลุ่ม ย่อมถูกดึงดูดด้วยรูปลักษณ์ของแพคเกจจิ้งที่แตกต่างกัน ในขณะที่แพคเกจจิ้งสำหรับกลุ่มลูกค้าผู้ใหญ่หรือสูงวัย ควรเป็นการดีไซน์แบบง่าย และมีตัวอักษรขนาดใหญ่เพื่อให้เห็นข้อความได้ชัดเจน การออกแบบแพคเกจจิ้งที่ดูเปรี้ยวเท่หรูหราก็สามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้ามีฐานะที่ชอบความโก้หรูดูดี ดังนั้นการทราบก่อนว่าผู้ซื้อสินค้า คือกลุ่มบุคคลประเภทไหน เราก็จะสามารถกำหนดทิศทางการออกแบบบรรจุภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น3. สินค้าจะถูกจำหน่ายอย่างไร ?ลองพิจารณาสักนิด สินค้าของคุณนั้นถูกจำหน่าย ซื้อขายในช่องทางไหน เป็นการตั้งสินค้าหน้าร้าน ซื้อมาจำหน่ายไปแบบปกติ หรือผ่านการสั่งซื้อออนไลน์? เมื่อสถานที่ขายสินค้าต่าง กลยุทธ์การออกแบบผลิตภัณฑ์ก็ต่างกัน หากเป็นการวางสินค้าบนชั้นวาง มีคู่แข่งเป็นสินค้าประเภทเดียวกัน สินค้าของคุณต้องการบรรจุภัณฑ์ที่โดดเด่นและแตกต่าง เพื่อดึงดูดสายตา แต่ถ้าสินค้าของคุณเน้นช่องทางการขายบนโลกออนไลน์ คุณก็ต้องมองหาการออกแบบแพคเกจจิ้งที่ให้ความสะดวก และเหมาะสมกับการขนส่งทางไกลมากกว่าภาพลักษณ์แพคเกจจิ้งที่ต้องโดดเด่นกว่าใครCredit: 99designs
“Ultra Violet” โทนสีปี 2018 จาก Pantone
ออกแบบ 11 May 2020
พอถึงสิ้นปีทีไร แวดวงการออกแบบ รวมทั้งวงการแฟชั่น ก็ได้เวลาลุ้นตัวโก่งกันทุกที ว่าปีนี้ บริษัทสีเจ้าแม่ยักษ์ใหญ่อย่าง Pantone จะเลือกสีใด เป็นโทนสีแห่งปีของปีถัดไป สำหรับปีนี้เองก็เช่นกันครับ แต่ทว่า ตอนนี้เราไม่ต้องลุ้นให้ตื่นเต้นกันอีกต่อไปแล้ว เพราะ Pantone ประกาศออกมาให้โลกรับรู้แล้วว่า สีม่วง Ultra Violet รหัส 18–383 คือสีแห่งปี 2018! ซึ่งเมื่อ Pantone ประกาศผลมาปุ๊บ LocoPack ก็ไม่อยากรอช้า ขอนำเสนอข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับเจ้าสีม่วงสุดเย้ายวนผ่านบทความนี้กันเลย ULTRA VIOLET สำหรับกราฟฟิกและแพคเกจจิ้งดีไซน์แฝงไปด้วยความซับซ้อน ดูลึกลับ แต่ให้ความรู้สึกกลมกลืน สีม่วง Ultra Violet ได้ถูกคัดเลือกให้เป็นโทนสีแห่งปีสำหรับแวดวงการออกแบบกราฟฟิกและแพคเกจจิ้ง ซึ่งผลการคัดเลือกครั้งนี้ ถือว่าสอดคล้องกับทิศทางของผลงานดีไซน์เนอร์จากทั่วโลกเป็นอย่างดี ดั่งที่ปรากฏให้เห็นในเทรนด์การออกแบบแพคเกจจิ้ง สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าเสริมความงาม รวมไปถึงผลิตภัณฑ์จากแบรนด์หรู ซึ่งนับวันจะยิ่งเน้นความซับซ้อนและมิติของการออกแบบที่มากขึ้นยิ่งกว่าเดิม ULTRA VIOLET และวงการแฟชั่นด้วยคุณสมบัติที่มีความเป็นกลางระหว่างเพศหญิงและเพศชาย ตัวเลือกอย่างสีม่วง Ultra Violet ที่ผสมผสานกันระหว่างพื้นสีของสีแดง และสีฟ้า ได้ถูกหยิบยกเป็นเครื่องมือเพื่อสร้างความรู้สึกเชื่อมโยงระหว่างผู้ออกแบบ ผู้ผลิตและผู้บริโภคทุกๆเพศ นอกจากนี้ความเข้ากันได้ดีกับสี และวัสดุที่หลากหลายอย่างไม่จำกัด อาทิ การใช้สีทองกับสีม่วงเพื่อให้บรรยากาศหรูหรา การใช้สีเขียวเทากับสีม่วงก็ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้การจับคู่ผ้าหรูอย่างกำมะหยี่กับสีม่วงสำหรับชุดราตรีงานกลางคืน ก็ดูเข้ากันได้ดีไม่แพ้การเลือกใช้สีม่วงสำหรับสินค้านักกีฬา หรือรองเท้าผ้าใบ ULTRA VIOLET ในแวดวงความงาม ถือเป็นมนต์ขลังของสีม่วง Ultra Violet ที่สามารถใช้เสริม แต่งประกายเพื่อเพิ่มความงามน่าหลงใหลให้กับทุกๆคน ด้วยความนุ่มลึกแบบเป็นธรรมชาติที่เข้ากันได้ดีกับความลงตัวของการผสมสี ไล่สี สีม่วงได้ถูกคัดเลือกเพื่อเป็นตัวแทนของความงามในวงการแฟชั่นผ่านหลายกรรมวิธีการใช้ ไม่ว่าการใช้สีม่วงเดี่ยวๆ เพื่อทาเป็นลิปสติก หรือใช้เป็นสีเล็บสามารถที่สร้างเอกลักษณ์มั่นใจปนเท่ห์ ให้กับผู้เลือกใช้ หรือการใช้สีม่วงผสมกับสีเมทาลิกเพื่อใช้กับเปลือกตาให้เจ้าของดวงตาดูลึกลับ เป็นปริศนาดั่งสีของจักรวาลก็นับเป็นอีกเคล็ดลับวิธีสร้างความน่าดึงดูดที่น่าสนใจ นอกจากนี้สีม่วงยังได้ถูกเลือกใช้เป็นเฉดสีสำหรับการย้อมเส้นผมที่นับวันจะได้รับความนิยมมากขึ้นในมุมมองความงามแบบ Street StyleULTRA VIOLET เพื่อการแต่งบ้าน หากกำลังมองหาหนทางเพื่อเปลี่ยนห้องแบบเดิมๆให้เป็น ห้องที่บ่งบอกความเป็นตัวเองได้มากขึ้น การเลือกใช้สีม่วง Ultra Violet นับเป็นวิธีที่น่าสนใจที่ Pantone เสนอ ด้วยคุณสมบัติที่สามารถเข้ากันได้ดีกับสีต่างๆ เพื่อสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว การจับคู่สีม่วงกับสีสันโทนสดใสหรือ สีสว่างสามารถช่วยฉุดความโดดเด่นของเครื่องแต่งบ้านชิ้นอื่นๆ นอกจากนี้สีม่วง ยังนับเป็นสีที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในทุกๆห้องของบ้าน หรืออาคารได้ด้วยเช่นกัน Credit: Pantone
“ข้อมูลที่ต้องพร้อม” ก่อนเริ่มออกแบบแพคเกจจิ้ง!
แพกเกจจิ้งออกแบบ 12 May 2020
ต่อจากคราวก่อน ที่เราได้ให้แนวทางการออกแบบแพคเกจจิ้ง ผ่าน 3 คำถามสำคัญ ที่ต้องตอบได้ก่อนเริ่มออกแบบบรรจุภัณฑ์กันไปแล้ว สำหรับบทความในวันนี้ เพื่อเป็นไกด์ไลน์ให้กับเจ้าของแบรนด์ที่อยากออกแบบแพคเกจจิ้งดีๆ ที่จะช่วยเพิ่มยอดไลค์ อัพยอดขายสินค้าและบริการของคุณให้ได้ LocoPack ขอกระเถิบลงรายละเอียดเพิ่มเติมกันอีกสักหน่อยนะครับ โดยขอพูดต่อกันถึง “ข้อมูลที่คุณต้องมีพร้อม” เพื่อการสร้าง และผลิตแพคเกจจิ้งดีๆ พร้อมใช้งานที่จะออกมาตรงใจผู้ขาย และถูกใจผู้ซื้อได้อย่างแน่นอน 1. ข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์เพราะสินค้าและแพคเกจจิ้ง คือสื่อสำคัญเพื่อการโปรโมทแบรนด์ของคุณสู่สายตาของลูกค้าและผู้พบเห็น ดังนั้นการออกแบบแพคเกจจิ้งจึงต้องใส่ใจในรายละเอียดอัตลักษณ์ของแบรนด์ โดยก่อนการเริ่มออกแบบ คุณควรมีข้อมูลเกี่ยวกับอัตลักษณ์ของแบรนด์ดังต่อไปนี้ครบถ้วนกันเสียก่อน สีหลัก เฉดสีที่เลือกใช้: ชื่อสี โค้ดสี ฟ้อนต์ตัวอักษร: ให้ระบุการใช้ให้ชัดเจน อาทิ ตัวหนาสำหรับหัวข้อ ตัวเล็กบางสำหรับข้อมูลทั่วไป โลโก้ของแบรนด์: จัดเตรียมประเภทไฟล์ที่เหมาะสม เพื่อการจัดพิมพ์ 2. ข้อมูลที่ต้องมีบนแพคเกจจิ้ง แต่ละประเภทสินค้า แต่ละแบรนด์ ย่อมมีข้อมูลเพื่อการปริ้นท์บนแพคเกจจิ้งแตกต่างกันไป ดังนั้นเพื่อสร้างแพคเกจจิ้งตรงใจ สามารถใช้งานได้จริง การมีข้อมูลในส่วนนี้ไว้ครบถ้วนก่อนจึงสำคัญมากนะครับ ทั้งนี้ข้อมูลที่ต้องมีเพื่อระบุบนแพคเกจจิ้ง ก็ได้แก่ ข้อความ: เช่น ชื่อสินค้า คำขวัญ คำอธิบายสั้นๆเกี่ยวกับสินค้า รูปภาพ: ไม่ว่าจะภาพพรีเซนเตอร์ ภาพส่วนประกอบ หรือภาพสินค้า ขอให้จัดเตรียมไว้ให้พร้อมก่อนเริ่มต้นการออกแบบ เครื่องหมายที่จำเป็น: อาทิ บาร์โค้ด เครื่องหมายการค้า เครื่องหมายรับรองจากภาครัฐ ข้อมูลอื่นๆ: อาทิ ข้อมูลตามกฎหมาย ที่อาจต้องเปลี่ยนแปลงภายหลัง หรือยังเป็นข้อมูลที่ไม่แน่นอน (ซึ่งคุณไม่อาจจำเป็นต้องปริ้นท์ลงบนแพคเกจจิ้งโดยตรง แต่อย่าลืมเหลือเนื้อที่ สำหรับการเพิ่มเติมเนื้อหาในส่วนนี้ เช่นพื้นที่เพื่อแปะสติ๊กเกอร์ หรือปริ๊นท์ลงในภายหลังด้วยนะครับ) 3. แบบที่ชอบ สไตล์ที่ใช่ ขอให้รวบรวมแพคเกจจิ้งที่ชอบ เห็นทีไรถูกใจทุกทีไว้เลยนะครับ เลือกเก็บไว้หลายๆแบบ อาจใช้วิธีการถ่ายภาพ ครอปภาพมาไว้ก็ได้ นอกจากนี้ลองนึกถึงวัสดุสำหรับทำแพคเกจจิ้งของคุณด้วย เพราะข้อมูลของแบบแพคเกจจิ้งที่ชอบ จะสามารถนำมาประยุกต์รวมกัน หรือให้ไอเดียแก่ผู้ออกแบบ เพื่อสร้างเป็นแพคเกจจิ้งในฝันให้กับแบรนด์ของคุณได้นั่นเอง 4. งบประมาณ งบประมาณการผลิต และต้นทุนของแพคเกจจิ้ง คืออีกข้อสำคัญที่ต้องคำนึงถึงก่อนเริ่มลงมือออกแบบ ทั้งนี้ต้นทุน หรือเรื่องเงินๆทองๆของการผลิตแพคเกจจิ้งที่ว่า จะแบ่งออกได้เป็น 2 กรณี คือ ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นเพื่อการออกแบบ ครอบคลุมถึง ค่าจ้างออกแบบ ค่าแม่พิมพ์ ซึ่งค่าใช้จ่ายในหมวดนี้ มักจ่ายกันเพียงครั้งเดียวเพื่อการใช้ที่ยาวนาน ต้นทุนต่อชิ้น ซึ่งรวมถึงค่าวัสดุและค่าแรงงานที่ใช้ต่อแพคเกจจิ้งหนึ่งชิ้น นอกจากนี้ อย่าลืมว่า งบประมาณที่ถูกกว่าใช่ว่าดีกว่าเสมอไป เพราะการใช้วัสดุคุณภาพดี การออกแบบมีคุณภาพ จะสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสินค้าให้ดูโดดเด่นกว่าแบรนด์คู่แข่งอย่างไรก็ตาม การออกแบบแพคเกจจิ้งที่ดี ให้มีภาพลักษณ์เตะตา น่าดึงดูด ที่คำนึงถึงความเหมาะสม และถูกใจทั้งฝ่ายผู้ซื้อและผู้ขายก็สามารถทำได้ในราคาประหยัด และต้นทุนที่ถูกกว่า สิ่งสำคัญอยู่ที่ความคิด ไอเดียและความเชี่ยวชาญในการออกแบบแพคเกจจิ้งนั่นเอง Credit: 99designs